เทรนด์จักรยานบ้านเราถือว่าน่าจะอยู่ตัวแล้ว...ไม่มากหรือไม่น้อยเกินไป
เพราะทุกถนนหรือในตรอกซอกซอย เราจะเห็นคนใช้หรือปั่นจักรยานอย่างน้อยๆ หนึ่งคันทุกวัน ยิ่งถ้าเป็นวันหยุดจะมีพลพรรคคนรักจักรยานรวมตัวกันเป็นสิบๆ คันไปยังจุดหมายที่แตกต่างกัน บ้างก็ไปกินกาแฟร้านดัง บ้างก็ไปร้านอร่อยๆ ตามโซเซียล บ้างก็ไปออกกำลังวัดใจด้วยระยะทางเหยียบร้อยกิโลเมตร เพราะจักรยานนอกจากเป็นเครื่องมือการออกกำลังกายแล้ว เจ้าสองล้อนี้ยังพาเราไปเที่ยวตามใจคิดได้อีกหลายที่เลย
ผมก็เป็นหนึ่งในนักปั่นนี้ครับ แต่เป็นสาย Mix & Match คือไปได้ทุกประเภทตามที่ว่ามา พูดง่ายๆ ว่าสายชิลล์ครับ (ฮา) จึงมีหลายคนถามผมว่า--ถ้าปั่นจักรยานเป็นแต่ไม่เคยปั่นไปเที่ยวเลย ควรเริ่มที่ไหนและไปยังไงดี??? ผมมักจะตอบไปว่าต้องไปที่ที่พร้อมสำหรับนักปั่น ทั้งสภาพถนนปลอดภัย บรรยากาศดีๆ และมีความพิเศษหรือน่าตื่นเต้นนิดนึง…งั้นเตรียมพร้อมกันได้เลยครับ ผมจะพาปั่นกันที่ “เมืองอุทัยธานีและเกาะเทโพ” เกาะน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยกันครับ
เกาะนี้มีพื้นที่กว่า 14,000 ไร่ ด้านหนึ่งถูกโอบล้อมด้วยแม่น้ำสะแกกรัง อีกฟากก็ขนาบด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้กลายเป็นเกาะกลางเมืองอุทัยธานีขึ้นมา ซึ่งเป็นพื้นที่ของคนชอบปั่นจักรยานลำดับต้นๆ ของเมืองไทย เพราะทุกอย่างถูกเตรียมไว้พร้อมสรรพครับ ตั้งแต่เลนจักรยาน (Bike Route) ป้ายบอกสถานที่ท่องเที่ยว ร้านเช่าจักรยาน แถมระยะทางมีให้เลือกครบทั้งแบบมือใหม่ 2 – 3 กม. แบบมือคล่องๆ 10 กม. และแบบมือเก๋าๆ 30 กม.
เอาเป็นว่าเส้นทางปั่นจักรยานสามารถเริ่มได้ทุกจุดบนเกาะนี้ครับ แต่ถ้าจะให้ดีก็น่าจะเป็น “วัดอุโปสถารามหรือวัดโบสถ์” ที่โดดเด่นด้วยมณฑปแปดเหลี่ยมแบบตะวันตกริมแม่น้ำสะแกกรัง เป็นสถานที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เคยเสด็จประพาสต้นด้วย และเป็นรอยต่อระหว่างเกาะเทโพและตัวเมืองอุทัยธานีแบบมุมสายตาสวยๆ 180 องศา
สูดหายใจลึกๆ เอาออกซิเจนเข้าปอดให้เต็มที่… เราจะปั่นจักรยานลัดเลาะทุ่งนาเขียวขจีที่โบกไสวไปตามแรงลมกว่าพันๆ ไร่ นับเป็นวิวสองข้างทางสุดคูลและน่าจอดแวะถ่ายรูปหรือ Selfie สักนิด ถัดมาจะเจอกับวัดเล็กๆ ที่ชื่อว่าวัดขุมทรัพย์ ด้านหลังจะมี “สะพานแขวน” ขนาดย่อมๆ แต่แข็งแรงยาวประมาณ 20 เมตร สำหรับข้ามลำน้ำเล็กๆ เอาไว้แบบโยกเยกหน่อยๆ ลองไปปั่นวัดใจดู อย่าลืมกดชัตเตอร์เท่ห์ๆ เอาไปอวดเพื่อนซักรูปนะครับ เส้นทางต่อไปอาจแคบลงนิดนึง แต่มีความสวยงามเข้ามาแทนที่ และป้าย ฺBike Route ก็จะบอกทางตลอด ไม่มีหลงแน่นอน Next Station ถัดไปคือ “บึงน้ำพระมหาชนก” สวนสาธารณะของคนเกาะเทโพที่มีบึงขนาดใหญ่เป็นแลนมาร์ค พร้อมศาลาชมวิวกลางน้ำไว้ให้นักปั่นพักขาเอาแรงกันแบบสบายๆ
เมื่อปั่นไปเรื่อยๆ เราจะเจอกับวิถีชีวิตชุมชนที่เรียบง่าย เปี่ยมด้วยรอยยิ้มที่พร้อมทักทายเหล่านักปั่นทุกคนครับ เพราะทุกๆ วันจะมีนักปั่นทั้งขาจร ขาประจำมาเที่ยวกันอย่างไม่ขาดสาย และความที่เกาะเทโพอยู่กลางใจเมืองอุทัยธานี ปัจจุบันจึงมีสะพานให้ทั้งรถจักรยานและรถยนต์ข้ามไปมาได้อย่างสะดวกถึง 2 สะพานบริเวณด้านทิศเหนือและทิศใต้ ทำให้การเชื่อมต่อเส้นทางทำได้ง่ายขึ้น นักปั่นสามารถข้ามฟากมาเที่ยวที่ต่างๆ ได้อีกมากมาย เช่น “วัดท่าซุงหรือวัดจันทาราม” ที่มีสังขารหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ไม่เน่าเปื่อย และวิหารแก้วอันโด่งดังที่มีความวิจิตรงดงามมากที่สุดในจังหวัด “วัดสังกัสรัตนคีรี” ที่เชิงเขาสะแกกรัง มีชื่อเสียงมากในพิธีตักบาตรเทโวที่จัดขึ้นในวันออกพรรษา แรม 1 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี โดยมีพระสงฆ์กว่า 500 รูป เดินลงมาตามบันได 449 ขั้นจากยอดเขาสะแกกรัง โดยบนยอดเขานี้เราสามารถชมวิวอุทัยธานีได้ทั้งเมืองเลยครับ หากใครชอบตื่นเต้นนิดนึง ลองปล่อยจักรยานให้ไหลลงเขาตามทางที่ลาดยางตลอด 2 กม. รับรองว่าอะดรีนาลีนพลุ่งพล่านยิ่งกว่าเล่นรถไฟเหาะแน่ๆ
หากยังปั่นไม่หน่ำใจก็มาต่อที่ “ตรอกโรงยา” ถนนสายวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องแบบเก่าๆ อดีตเป็นแหล่งสูบยาฝิ่นในสมัยที่ไม่มีกฎหมายควบคุม ช่วงเย็นๆ ที่นี่จะแปรสภาพเป็น “ถนนคนเดิน” สุดชิลล์ที่มีของขายมากมาย แนะนำว่าควรฝากจักรยานคันเก่งไว้ที่ “ร้านปุ้ม กาแฟสดโบราณ” เพื่อความสะดวกในการเดินเที่ยวครับ แต่ก่อนไปอย่าลืมซื้อเครื่องดื่มเติมพลังสักแก้ว และนั่งคุยกับคุณปุ้มสักพักนึง แล้วจะรู้ว่าที่นี่เป็น HUB สำหรับการท่องเที่ยวของคนอุทัยธานีเลย
หนึ่งวันกับการปั่นจักรยานบนเกาะเทโพและตัวเมืองอุทัยธานี ผมรับรองได้ว่าทุกคนต้องสนุกสนานและประทับใจแน่นอน เพราะตลอดเส้นทางมีจุดพักอยู่ตลอดเวลา เชื่อมต่อถึงกันได้หมด เจ้าถิ่นที่นี่ก็พร้อมเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวทุกคน
--งั้นจับแฮนด์ให้มั่น…และไปปั่นด้วยกันครับ
#Cycling #KohTepo #Local #NuimNavigator #UthaiThani #Thailand