ตรัง เมืองเล็กในภาคใต้ที่หลายคนคุ้นชื่อ ในฐานะแหล่งของกินขึ้นชื่อและเมืองแห่งรอยยิ้ม
แต่ถ้าได้มาช่วงเดือนเก้า (ตามปฏิทินจีน) หรือประมาณเดือนตุลาคมของทุกปี เมืองนี้จะเปลี่ยนโฉมไปอีกแบบ ขาวโพลนด้วยชุดของผู้คนที่ร่วม “เทศกาลกินเจ” ธงสีเหลืองสะบัดอยู่แทบทุกหัวมุมถนน กลิ่นธูปและเสียงประทัดกลายเป็นจังหวะประจำวันของเมือง เป็นภาพของ “ศรัทธา” ที่ผสมกับ “วิถีชีวิต” ได้อย่างลงตัว
ผมเลือกเดินทางมาที่ตรังช่วงต้นเทศกาล ขับรถเข้ามาในตัวเมืองช่วงเย็นก่อนวันแรก บรรยากาศเริ่มคึกคัก ร้านอาหารหลายร้านติดป้าย “เจ” สีแดงชัด บางร้านเปิดชั่วคราวเฉพาะช่วงนี้เพื่อร่วมบุญ บางร้านมีคนแจกอาหารฟรีอยู่หน้าศาลเจ้า ผู้คนทักทายกันด้วยรอยยิ้ม บรรยากาศอบอุ่นจนรู้สึกว่า เมืองนี้ไม่ได้กินเจแค่เพราะธรรมเนียม แต่กินด้วย “หัวใจ”
ผมพักที่ “โรงแรมเรือรัษฎา” กลางเมือง เดินทางง่าย ใกล้ตลาดและศาลเจ้าหลักๆ รุ่งเช้าเสียงประทัดก็ดังรับวันใหม่ ผมตรงไปยัง “ศาลเจ้ากิ้วอ๋องเอี่ย (สามพระ)” ศาลเจ้าหลักของงานกินเจเมืองตรัง ผู้คนแต่งชุดขาวเดินเข้าออกไม่ขาดสาย บางคนถือธูป บางคนมาช่วยงานศาลเจ้า บรรยากาศเต็มไปด้วยความสงบและศรัทธา
กลิ่นธูปผสมกับกลิ่นขนมเปี๊ยะเจจากร้านหน้าศาลเจ้า ผมซื้อขนมมากินคู่กับน้ำสมุนไพรเย็นๆ ก่อนเดินต่อไปยัง ศาลเจ้าท่ามกงเยี่ย ที่อยู่ไม่ไกล เสียงกลองและฆ้องดังเป็นจังหวะ ขบวนแห่เทพเจ้าเคลื่อนช้าๆ ท่ามกลางเสียงประทัดดังระรัว ผู้คนสองข้างทางพนมมือรับพร บางคนหลับตาเหมือนปล่อยให้ความศรัทธาไหลผ่านตัวเอง เป็นช่วงเวลาที่ทั้งเข้มขลังและสงบในคราวเดียวกัน

จากตัวเมือง ผมขับต่อไปยัง “ศาลเจ้าโพธิ์พระ” บรรยากาศที่นี่ต่างออกไปเล็กน้อย เงียบกว่าแต่เปี่ยมด้วยพลังใจ ศาลเจ้าตั้งอยู่ใกล้ชุมชนจีนเก่า ข้างๆ มีร้านอาหารเจที่ชาวบ้านช่วยกันทำ ผมสั่งผัดหมี่เจกับแกงจืดเต้าหู้สาหร่ายนั่งกินตรงโต๊ะไม้เก่าๆ ลุงเจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่า “...ตรังไม่เคยขาดงานกินเจเลยนะลูก ทุกปีต้องทำเต็มที่เพื่อสืบต่อกันไป...” คำพูดเรียบๆ แต่จริงใจ เหมือนเป็นหัวใจของเมืองนี้
บ่ายแก่ๆ ผมขับขึ้นไปยัง “ศาลเจ้าท่งซิวหยุน (เขาแปะหยี่)” ศาลเจ้าบนเนินเตี้ยที่มองเห็นวิวเมืองตรังได้ลิบๆ ธงเหลืองปลิวไสวตลอดทางขึ้น ลมเย็นพัดมาตลอด ผมจุดธูปสามดอก อธิษฐานเงียบๆ ขอให้ปีนี้มีสมดุลในชีวิต การเดินสายกินเจไม่ได้แค่ไหว้ขอพร แต่มันคือช่วงเวลาที่เราได้ทบทวนตัวเอง ได้พักจากความวุ่นวายและกลับมามองข้างใน
ตกเย็นผมกลับเข้าตัวเมืองอีกครั้ง ถนนเต็มไปด้วยร้านอาหารเจที่ตั้งเรียงรายสองฝั่ง ผมแวะชิม “ข้าวหน้าเต้าหู้ทอดราดซอสเห็ดหอม” กับ “น้ำเก็กฮวยเย็น” ก่อนเดินไปดูการแสดงมโนราห์เจหน้า “ศาลเจ้าท่ามกงเยี่ย” เสียงดนตรีพื้นบ้านผสมกับเสียงกลองพิธีจีน มันคือการผสมวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนที่ไหนในประเทศไทย และนี่แหละ “ตรัง” เมืองที่ศรัทธาและศิลปะอยู่ร่วมกันได้อย่างงดงาม
คืนนั้นผมนั่งมองถนนสายขาวที่เงียบลงหลังขบวนแห่ผ่านไป เห็นเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งช่วยกันเก็บขยะ หน้าศาลเจ้ามีหญิงชราเดินถือเทียนกลับบ้าน ทุกคนดูมีส่วนร่วมในเทศกาลนี้อย่างกลมกลืน ตรังในช่วงกินเจคือภาพของความสงบที่มีชีวิต
นอกจากนี้ เทศกาลกินเจที่ตรังไม่ได้หมายความว่าต้องอดของอร่อย เพราะที่นี่มีร้านเจฝีมือดีมากมาย ทั้งร้านถาวรและร้านเฉพาะกิจที่เปิดขึ้นเพื่อต้อนรับเทศกาลนี้ และร้านเหล่านี้แหละ...ที่ผมจะแนะนำ ห้ามหลาดเลย
- ร้านเจอิ่มบุญ – ถนนราชดำเนิน : เมนูหลากหลายทั้งข้าวราดแกง ผัดเผ็ดเจ เห็ดทอดกรอบ และน้ำสมุนไพรเย็นๆ รสชาติกลมกล่อม ราคามิตรภาพ อยู่ใกล้ศาลเจ้ากิ้วอ๋องเอี่ย เดินมาหลังไหว้เสร็จก็เจอพอดี
- ข้าวแกงเจป้าชื่น – ตลาดทับเที่ยง : ร้านบ้านๆ ที่ชาวตรังรู้จักดี เมนูเด็ดคือแกงคั่วเห็ดเผาะเจและเต้าหู้ทอดซอสสามรส เปิดเช้าตรู่ หมดเร็วทุกวัน ต้องรีบมาแต่เช้า
- ร้านเจคุณลุงใจดี – หน้าวัดตันตยาภิรมย์ : ร้านเล็กแต่เมนูครบ ทั้งอาหารไทยและจีนเจ โดยเฉพาะหมั่นโถวเห็ดหอมตุ๋นซีอิ๊ว เสิร์ฟพร้อมซุปผักใสร้อนๆ รสละเมียดและอบอุ่นใจ
- ร้านกาแฟเจบ้านสวน – ถนนวิเศษกุล : คาเฟ่เล็กๆ สำหรับสายขาวที่อยากพักจิบกาแฟดำแบบตรังแท้ พร้อมขนมเจอย่างซาลาเปาถั่วแดง ตัวร้านเรียบ เท่ และมีกลิ่นไอธรรมะเบาๆ
- ร้านเจเจ๊หมวย – ริมศาลเจ้าท่ามกงเยี่ย : ร้านอาหารเจจีนแท้ในตำนาน หมี่หยกเจ บ๊ะจ่างเจ และเต้าหู้ราดซอสพะโล้ คือเมนูที่ต้องลอง ร้านนี้เปิดทั้งกลางวันและค่ำ เป็นจุดนัดพบของผู้คนก่อนเข้าขบวนแห่ในตอนเย็น

ตรังในช่วงกินเจ จึงไม่ได้เป็นแค่เมืองเล็กที่เต็มไปด้วยกลิ่นธูปและเสียงประทัด แต่มันคือพื้นที่ของศรัทธา ความเมตตา และการกลับมารู้จักตัวเองอีกครั้ง ผ่านรสชาติอาหารเรียบง่ายและรอยยิ้มจริงใจของผู้คน
สำหรับผม การเที่ยวตรังในช่วงนี้คือการเปิดใจให้กับวัฒนธรรมและความดีงามรอบตัว เท่านี้ก็เพียงพอจะทำให้ทริปนี้อยู่ในความทรงจำไปอีกนาน…กับเที่ยวตรังสายบุญ กินเจรับพลังใจครับ
สรุปค่าใช้จ่ายโดยประมาณ (3 วัน 2 คืน)
- ที่พักกลางเมืองตรัง 2 คืน: 1,600–2,000 บาท
- อาหารเจและเครื่องดื่ม: 600–900 บาท
- ค่าน้ำมันรถ 800–1,200 บาท
- ของฝาก ขนมเปี๊ยะ ธูปเทียน 300–500 บาท
รวมคร่าวๆ ประมาณ 3,000–4,500 บาท
#TheTravelRoute #GetRoute #TravelRouteSetter #RouteSetter #กินเจ #ศรัทธา #ศาลเจ้า #ประเพณี #ใต้ #ตรัง #RoadTrip #NuimNavigator #Rayong #Thailand
