01. ลานกางเต็นท์ อุทยานแห่งชาติพุเตย อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
เป็นลานกางเต็นท์ที่สะดวกสบาย มีน้ำไฟพร้อมใช้ 24 ชม. รถทุกชนิดเข้าถึงจุดได้เลย หน้าหนาวอากาศเย็นสบายมาก ที่สำคัญคนไม่เยอะมากครับ...รับรองว่าได้พักผ่อนอย่างแน่นอน
Go to : จาก กทม. มุ่งหน้าทางหลวงหมายเลข 340 สู่สุพรรณบุรี จนไปถึงอำเภอด่านช้าง และเห็นป้ายอุทยานแห่งชาติพุเตยเห็นได้อย่างชัดเจน รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 220 กม.02. ลานกางเต็นท์ หน่วยควบคุมไฟป่า (บ้านไร่) อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าหน่วยควบคุมไฟป่าที่มีอยู่ทั่วประเทศ สามารถกางเต็นท์พักได้ฟรี และยิ่งเป็นที่นี่ หน่วยควบคุมไฟป่า (บ้านไร่) แล้ว เรื่องวิวทิวทัศน์ที่สวยงามก็คูณ 2 ไปเลย เพราะตั้งอยู่บนเนินเขาขนาดย่อมๆ ติดวิวภูเขารอยต่อมรดกโลกอย่างห้วยขาแข้ง แถมใกล้ๆ กันไม่กี่กิโล ก็ยังมีหมู่บ้านแก่นมะกรูด หมู่บ้านเดียวในภาคกลางที่ปลูกดอกไม้เมืองหนาวอย่างทิวลิปได้ในทุกๆ สิ้นปี…แล้วอย่างนี้จะไม่ลองไปได้อย่างไร
Go to : จาก กทม. มุ่งหน้าทางหลวงหมายเลข 340 สู่สุพรรณบุรี ผ่านอำเภอด่านช้าง และเข้าสู่อำเภอบ้านไร่ของจังหวัดอุทัยธานีที่ทางหลวงหมายเลข 322 และ 333 ตามลำดับ รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 250 กม.03. ผาบุคา โฮมสเตย์ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
โฮมสเตย์ที่นี่เหมาะกับคนที่ชอบความสงบและความ Adventure ไปในตัว เพราะนอกจากได้กินอยู่ Local สนุกๆ กับชาวบ้านแล้ว เรายังสามารถไปกางเต็นท์ Camping รับลมหนาวๆ ริมผาบุคาได้ด้วย พร้อมด้วยกับข้าวกับปลาที่แสนอร่อยจากฝีมือแม่น้อย หัวหน้าโฮมสเตย์ที่นี่...ขอบอกว่าเมนูที่ห้ามพลาดคือข้าวเหนียวดำ
Go to : จาก กทม. มุ่งหน้ารังสิต ผ่านจังหวัดสระบุรีและเข้าถนนมิตรภาพหลายเลข 2 วิ่งผ่านเขาใหญ่จนผ่านเขื่อนลำตะคอง ถึงเรือนจำกลางคลองไผ่ให้เลี้ยวซ้าย จนถึงผาบุคา รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 230 กม.04. ชุมชนบ้านสิงห์ท่า อ.เมือง จ.ยโสธร
หากพูดถึงหมู่บ้านในภาคอีสานที่ยังคงความคลาสสิกแบบเดิมๆ ไร้การปรุงแต่งและคนไม่เยอะแล้ว ขอแนะนำว่าต้องที่บ้านสิงห์ท่า ยโสธร หมู่บ้านติดลำน้ำชี และมีบ้านเรือนแบบชิโน - โปรตุกิส อยู่เป็นหย่อมๆ แต่ก็เข้ากับวิถีแบบบ้านๆ ได้เป็นอย่างดี…เสน่ห์แบบนี้เล่าได้ไม่หมด ต้องไปดูเองครับผม
Go to : จาก กทม. ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ถึงสระบุรีจึงเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านนครราชสีมา อำเภอบ้านไผ่ ขอนแก่น จากนั้นเลี้ยวขวาที่ทางหลวงหมายเลข 23 มุ่งหน้าร้อยเอ็ด และสิ้นสุดที่ชุมชนบ้านสิงห์ท่า ยโสธร รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 600 กม.05. บ่อหินฟาร์มสเตย์ บ้านพรุจูด อ.สิเกา จ.ตรัง
นึกภาพของการเป็นชาวเล มองวิวทะเลเพลินๆ ล่องเรือดูป่าโกงกาง นั่งกินอาหารทะเลสดๆ ครบสูตรทั้ง 3 มื้อ บ่อหินฟาร์มสเตย์ บ้านพรุจูด จัดให้แบบในฝันนี้ได้สบายๆ…แถมยังเที่ยวได้ทุกฤดูตลอดปี
Go to : จาก กทม. ตรงยาวๆ ลงภาคใต้ตามเส้นทางถนนเพชรเกษม หมายเลข 4 ผ่านประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ตัดเข้ากระบี่ที่ทางหมายเลข 4038 ต่อเนื่องไปถึง 4046 ถึงบ่อหินฟาร์มสเตย์ บ้านพรุจูด รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 850 กม.06. เมืองลับแล ดินแดนห้ามพูดโกหก อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์
การไปเที่ยวเมืองที่มีตำนานเรื่องเล่าน่าจะทำให้ทริปนั้นสนุกขึ้น อย่างเมืองลับแล ดินแดนห้ามพูดโกหก ก็เป็นที่เล่าขานกันต่อๆ มาในความเชื่อ แต่ความสวยงามนั้นก็สุดยอดไม่แพ้ใคร กับหุบเขาแห่งผลไม้ที่มีให้กินตลอดปี พร้อมด้วยธรรมชาติที่ต้องหลงใหล…ในดินแดนลับแลแห่งนี้แน่นอน
Go to : จาก กทม. มุ่งหน้าสู่ถนนสายเอเชีย (อยุธยา-นครสวรรค์) ถึงตัวเมืองนครสวรรค์ให้เลี้ยวขวาสู่ทางหลวง 117 ผ่านพิจิตรและพิษณุโลก จากนั้นใช้ทางหลวง 11 สู่อุตรดิตถ์ และมุ่งหน้าถึงเมืองลับแล รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 490 กม.07. บ่อน้ำร้อนห้วยน้ำนัก อ.พบพระ จ.ตาก
เมืองไทยขึ้นชื่อเรื่องบ่อน้ำร้อนที่มีอยู่ทุกภาค โดยเฉพาะที่บ่อน้ำร้อนห้วยน้ำนักนี้ นอกจากอยู่ท่ามกลางป่าเขาสวยงามของเมืองตากแล้ว น้ำร้อนที่นี่ยังนำไปทำเป็นน้ำแร่ชื่อดังที่ขายกันทั่วไปด้วย…อยากรู้ว่ามีประโยชน์และอุ่นฟินขนาดไหน? ต้องลองมาแช่ดูครับ
Go to : จาก กทม. มุ่งหน้าสู่ถนนสายเอเชีย (อยุธยา-นครสวรรค์) ถึงตัวเมืองนครสวรรค์วิ่งต่อเนื่องถึงจังหวัดตาก เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 12 จนถึงอำเภอแม่สอดก็ไปต่อที่เส้น 1090 สิ้นสุดที่บ่อน้ำร้อนห้วยน้ำนัก อำเภอพบพระ รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 530 กม.08. ภูเขาหินปะการัง อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง อ.ลอง จ.แพร่
หากไม่แตกต่างก็อาจไม่น่าสนใจ เหมือนกับภูเขาหินปะการังลูกนี้ที่เต็มไปด้วยความแหลมคม ต่างจากภูเขาต่างๆ ในภาคเหนือ แต่ทุกอย่างคือธรรมชาติสร้างสรรค์ความงามให้ครับ ชื่นชมกันได้เต็มที่…บนทางเดินไม้สุดชิลล์ที่รอคอยต้อนรับทุกคน
Go to : จาก กทม. มุ่งหน้าสู่ถนนสายเอเชีย (อยุธยา-นครสวรรค์) ถึงตัวเมืองนครสวรรค์ให้เลี้ยวขวาสู่ทางหลวง 117 ผ่านพิจิตรและพิษณุโลก จากนั้นใช้ทางหลวง 11 มุ่งสู่อุตรดิตถ์และตัวเมืองแพร่ และใช้ทางหลวง 1023 จะถึงภูเขาหินปะการัง รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 580 กม.
09. ยอดดอยม่อนเงาะ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
ม่อนแปลว่าดอยเล็กๆ ในภาษาเหนือ ม่อนเงาะเองก็เช่นกัน แต่ความโดดเด่นคือความเงียบสงบและธรรมชาติที่ยังมีคุณภาพแบบคับแก้ว เหมาะแก่การ Camping เป็นที่สุด...อย่าลืมเตรียมอาหารไปให้พร้อมสรรพ แล้วค่ำคืนแห่งธรรมชาติสวยงามจะอยู่ในอ้อมกอดของคุณเอง
Go to : จาก กทม. มุ่งหน้าสู่ถนนสายเอเชีย (อยุธยา-นครสวรรค์) ถึงตัวเมืองนครสวรรค์วิ่งต่อเนื่องยาวๆ ถึงตากสู่ลำพูน ถึงเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่อำเภอแม่แตง เข้าเส้นทาง 1095 และ 3052 ก็ถึงศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 740 กม.10. ดอยม่อนล้าน สถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ตามแนวพระราชดำริ ดอยม่อนล้าน อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
หลายที่เคยเป็นเส้นทางออฟโรด ยากแก่การเข้าถึง แต่พอวันเวลาผ่านไป ถนนหนทางที่ดีขึ้น ทำให้ที่ทางเหล่านี้กลายเป็นดอกไม้งามในป่าขึ้นมาทันที ม่อนล้านก็คือหนึ่งในนั้นที่เต็มไปด้วยสวยงาม สิ่งที่เพิ่มเติมคือความสุขของชาวเขาที่มีวิถีชีวิตแบบพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9…รับรองว่าใครไปก็ต้องได้รอยยิ้มและความทรงจำที่ดีกลับมาทุกคน
Go to : จาก กทม. มุ่งหน้าสู่ถนนสายเอเชีย (อยุธยา-นครสวรรค์) ถึงตัวเมืองนครสวรรค์วิ่งต่อเนื่องยาวๆ ถึงตากสู่ลำพูน ถึงเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่อำเภอพร้าว โดยใช้เส้นทาง 107 และ 1001 ผ่านอำเภอพร้าวและถึงดอยม่อนล้าน รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 800 กม.
หมายเหตุ :
• รีวิวนี้เป็นแค่แนวทางจากประสบการณ์ตรงนะครับ หากใครไปแล้วเจอคนเยอะก็ขออภัยล่วงหน้า (ฮา) เที่ยวให้สนุกและปลอดภัยกันทุกคนและทุกทริปนะครับผม
• ระยะทางจาก กทม. เริ่มปักหมุด GPS จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และเป็นระยะทางโดยประมาณนะครับ
#GetRoute #TravelRouteSetter #GetRouteClub #RouteSetter #รีวิวท่องเที่ยว #สร้างเส้นทางท่องเที่ยว #การรับรู้เป็นประสบการณ์จริงด้วยการเดินทาง #Thailand
ติดตาม GetRoute และนักเขียน RouteSetter ได้ที่ TravelRouteSetter.Club รีวิวทุกเส้นทางท่องเที่ยวไปกับทุกคน